ศูนย์วิจัย คอนโดมิเนียม (Research Center Condominium) เป็นคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนสี่แยกเพชรบุรี 47 ในบางกะปิ กรุงเทพมหานคร สร้างเสร็จในปี 1985 คอนโดนี้มีอาคารเดียวจำนวน 6 ชั้นและทั้งหมด 224 ยูนิต ใครกำลังวางแผนซื้อคอนโดอยู่ ติดต่อได้ที่ ศูนย์วิจัยคอนโดมิเนียม แต่ไม่รู้จะทำยังไง อาจจะรู้มาคร่าว ๆ แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าต้องทำอะไรก่อน ต้องเตรียมตัวด้านใดบ้าง รวมถึงการเก็บเงินเท่าไหร่ในการเริ่มซื้อคอนโด วันนี้เรามี ขั้นตอนการซื้อคอนโด ตั้งแต่เริ่มหาคอนโด จนถึงย้ายเข้าคอนโดมาฝาก โดยจะเน้นไปที่กลุ่มมือใหม่ที่กำลังมองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเป็นครั้งแรก โดยยื่นกู้ผ่านธนาคาร
มือใหม่คิดจะกู้เงินซื้อคอนโดมิเนียม มีขั้นตอนอย่างไร ?
1. เลือกคอนโดที่ถูกใจ
สำหรับท่านใดที่มีโครงการไว้ในใจอยู่แล้วก็ตั้งมั่นไว้ได้เลยว่าเราจะซื้อที่นี่ แต่หากยังหาไม่ได้อาจเซิร์จหาจากหน้า google ที่จะมีเว็บไซต์แนะนำโครงการดี ๆ ให้เลือกซื้อ คุณสามารถเลือกตามทำเลที่ต้องการ หรืออาจจะเลือกที่ติดรถไฟฟ้าก็จะสะดวก ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่คุณมีอยู่ด้วย
2. เดินเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ
จากนั้นแนะนำให้เข้าเยี่ยมชมโครงการศูนย์วิจัย คอนโดมิเนียมแบบไม่ต้องอายใคร เมื่อเข้าไปด้านในจะมีพนักงานขายออกมาต้อนรับ เขาหรือเธอจะถามความต้องการของเรา เช่น ต้องการพื้นที่เท่าไหร่ แบบไหน ที่ไหน เป็นต้น อาจมียูนิตพิเศษที่ไม่ได้ประกาศขายบนเว็บไซต์ นอกจากส่วนลดพิเศษที่ไม่มีในโปรโมชั่นทั่วไปแล้ว คุณยังอาจได้รับสิ่งที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วย
3. ทำการจองกับพนักงานขาย
พอเราเริ่มถูกใจห้องนี้ก็เริ่มมีค่าใช้จ่าย ปกติค่าจองจะประมาณ 5,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับมูลค่าห้องที่เราเลือก โดยค่าจองนั้นจะถูกรวมกับเงินดาวน์ในภายหลัง
4. ทำสัญญาซื้อขาย พร้อมวางเงินดาวน์
หลังจากจองภายใน 7 วัน ทางโครงการจะเรียกเราไปทำสัญญาซื้อขาย ณ จุดนี้ จะมีค่าใช้จ่ายตามสัญญา และวางเงินดาวน์ในขั้นตอนนี้ แต่ถ้าโครงการยังไม่เสร็จเราก็สามารถผ่อนดาวน์ได้ตามระยะเวลาที่โครงการกำหนด โดยส่วนใหญ่ค่าทำสัญญาและเงินดาวน์จะไม่เกิน 10 เดือน ค่าธรรมเนียมการจองทั้งหมดจะเพิ่มในขั้นตอนที่ 3 ส่วนใหญ่ประมาณ 10% ของราคาห้องพัก เช่นราคาห้อง 3,000,000 บาท เงินจอง + สัญญา + เงินดาวน์ รวมประมาณ 300,000 – 600,000 บาท เป็นต้น แต่ก็มีบางโครงการที่มีโปรโมชั่นต่ำกว่า 10% หรือจองฟรี + ทำสัญญาไปเลย หรือบางที่ก็มีฟรีดาวน์ให้ด้วยเช่นกัน
5. รอคอนโดสร้างเสร็จ ผ่อนดาวน์ไปด้วย
ระหว่างนี้เราก็ได้แต่รอ รอ รอ ถ้าไปจองตอนโครงการใกล้เสร็จคงรอไม่นาน แต่ถ้าไปจองตั้งแต่วัน Pre-sale ก็ต้องรอประมาณ 2-3 ปี แล้วแต่ขนาดของโครงการ แต่ข้อดีของการจองคอนโดช่วง Pre-sale เราจะได้ราคาพิเศษกว่าชาวบ้านเขา ส่วนนี้เราจะยังคงจ่ายสำหรับโครงการ ซึ่งยังไม่เกี่ยวกับธนาคาร
6. หากโครงการใกล้เสร็จ ทางโครงการจะโทรแจ้งให้เราเลือกธนาคารที่จะกู้
มาถึงขั้นตอนสำคัญแล้ว เมื่อห้องของเราใกล้จะเสร็จโครงการก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ได้เวลาย้ายห้อง พนักงานขายที่ดูแลเราในตอนแรกจะโทรมาเรียกเราไปดูเอกสารที่เตรียมยื่นกู้ ถ้าหากว่าเรามีธนาคารที่มองหาอยู่ก่อนแล้ว ก็สามารถแจ้งกับพนักงานได้เลย แต่ถ้ายังไม่รู้จะเลือกธนาคารไหนเค้าจะให้เราเลือกสองธนาคารเผื่อมีที่กู้ไม่ผ่าน พนักงานขายจะติดต่อธนาคารในเบื้องต้น หลังจากนั้นธนาคารจะโทรติดต่อเราโดยตรงอีกครั้ง
ก่อนเข้าอยู่คอนโดมีวิธีการตรวจรับด้วยตัวเองอย่างไร ต้องเช็คอะไรบ้าง ?
- ประตู ตรวจสอบความเรียบร้อยจากลูกบิด ว่ากด ล็อค และ ปลดล็อค ได้ปกติหรือไม่ ต้องติดตั้งตาแมวในทิศทางที่ถูกต้อง ตรวจสอบว่าบานพับติดแน่นกับประตูและวงกบ เปิดได้อย่างราบรื่น ไม่ฝืด และไม่มีเสียงรบกวน ต้องไม่มีช่องว่างระหว่างประตูกับวงกบ และต้องปิดประตูให้สนิทเพื่อความปลอดภัย
- หน้าต่าง ในศูนย์วิจัย คอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่จะใช้เป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อน ดังนั้นต้องแน่ใจว่าประตูบานเลื่อนปิดสนิท กระจกไม่มีรู ไม่มีรอยแตก และใช้กลอนล็อคประตูได้ตามปกติ รางเลื่อนต้องไม่แข็ง แนะนำให้ลองเลื่อนประตูเข้าออกสัก 2-3 ครั้งเพื่อทดสอบความแข็งแรง ตรวจสอบให้ดีว่าขยับไป-มาไม่ตกราง
- พื้น สำหรับพื้น ตรวจสอบความลาดเอียงด้วยลูกแก้ว ถ้าวางลูกแก้วแล้วกลิ้งไปทางไหนแสดงว่าพื้นเอียง แต่ถ้าลูกแก้วกลิ้งและหยุดที่จุดใดจุดหนึ่ง นั่นแสดงว่าพื้นของคุณเป็นหลุมหรือทรุดตัว อาจเกิดจากขั้นตอนการปูพื้น ในพื้นกระเบื้องลองใช้เหรียญเคาะ ถ้าปูนไม่พอเมื่อปูกระเบื้องทำให้การปูนนั้นไม่เต็มแผ่นกระเบื้อง เวลาเคาะจะได้ยินเสียงดัง อีกจุดที่ควรให้ความสำคัญคือพื้นกระเบื้อง หากยาแนวไม่เป็นระเบียบอาจทำให้เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมได้
- ผนัง ตรวจสอบรอยร้าวในเนื้อปูน รอยปริแตกของสี หรือตรวจสอบความเรียบร้อยของการติดวอลเปเปอร์
- ระเบียง ตรวจสอบราวระเบียงให้แน่ใจว่าติดแน่น ใหม่ และไม่เสียหายเพื่อความปลอดภัย ส่วนสูงต้องได้มาตรฐาน โดยปกติแล้วความสูงของระเบียงไม่ควรต่ำกว่าระดับเอว
- ห้องน้ำ ตรวจสอบอย่างละเอียดตั้งแต่อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ฝักบัว กระจก ราวแขวน ต้องไม่ชำรุด ใช้งานได้ตามปกติ ที่สำคัญต้องตรวจสอบพื้นห้องน้ำให้มีความลาดเอียงเข้าหาท่อระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำขังขณะที่อาบน้ำ
- เพดาน เพดานห้องต้องไม่มีคราบสกปรก หากพบร่องรอยคราบบนฝ้าเพดาน ช่างจะต้องตรวจสอบห้องด้านบนว่าไม่มีน้ำรั่วซึม ห้ามปล่อยไว้เด็ดขาด
- ระบบน้ำ ลองเปิดก๊อกน้ำทุกก๊อก สายฝักบัวดูว่าน้ำไหลปกติหรือไม่ ตรวจสอบแรงดันน้ำให้เป็นปกติ รวมทั้งท่อระบายน้ำด้วย ลองเทน้ำทิ้ง ดูว่าน้ำไหลเร็วไหม หากน้ำระบายลงท่อที่ติดอยู่บนพื้นได้ไม่สะดวกหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ อาจเกิดจากท่อน้ำทิ้งอุดตันหรือมีสิ่งกีดขวางอยู่
- ระบบไฟฟ้า ตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าไฟทุกดวงสามารถเปิดและปิดได้ และความสว่างถูกต้อง ลองใช้ไขควงทดสอบไฟที่เต้ารับหรือเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่ดูว่ามีไฟฟ้าหรือไม่ นอกจากนี้ให้ลองปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทั้งหมด และสังเกตมิเตอร์ หากหน้าปัดมิเตอร์ยังคงหมุน แสดงว่ามีการรั่วไหลในห้อง ซึ่งจะต้องแก้ไขทันที